เมื่อนักวิจัยขยับสู่การเป็นดีปเทคสตาร์ทอัพ (Deep Tech Startup) ฟันเฟืองสำคัญที่นำผลงานในห้องปฏิบัติการส่งไปถึงมือผู้ใช้ ความสำเร็จของ “นาโน โค๊ตติ้ง เทค” ที่เข้าสู่ปีที่ 2 นี้ จะเป็นอย่างไร NANOTEC Newsletter ฉบับนี้ จะพาไปคุยกับ “ดร. เผ่า-พิศิษฐ์ คำหน่อแก้ว และ ดร. เอิ๊ก-ธันยกร เมืองนาโพธิ์” จากทีมวิจัยนวัตกรรมเคลือบนาโน กลุ่มวิจัยวัสดุผสมและการเคลือบนาโน นาโนเทค สวทช. ที่ร่วมกันก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพภายใต้ สวทช. อย่างนาโน โค๊ตติ้ง เทค ถึงความสำเร็จ และแผนการเดินหน้าของบริษัทฯ ในปีที่ 2 นี้
ความเชี่ยวชาญของทีมวิจัยนวัตกรรมเคลือบนาโนนี้คือ การพัฒนาสารเคลือบนาโนสูตรพิเศษสำหรับพื้นผิวหลากหลายประเภท เพื่อเพิ่มคุณสมบัติให้กับพื้นผิวตามความต้องการ โดยสามารถประยุกต์ใช้ได้ทั้งในอุตสาหกรรมผลิตพลังงาน อุตสาหกรรมสิ่งก่อสร้าง พลาสติก กระดาษ รวมถึงพื้นผิวอื่นๆ หนึ่งในนั้นคือ โซลาร์เซลล์ ที่พบว่า เทคโนโลยีเคลือบนาโนนี้ สามารถแก้ปัญหาที่กลุ่มผู้ใช้โซลาร์เซลล์เพื่อการผลิตไฟฟ้าในระดับโรงงานอุตสาหกรรม โซลาร์ฟาร์ม รวมถึงผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์กำลังเผชิญ เกิดเป็นช่องว่างทางธุรกิจที่จะนำนวัตกรรมที่มีความเชี่ยวชาญไปต่อยอด จึงสปินออฟสู่การเป็นดีพเทคสตาร์ทอัพภายใต้ บริษัท นาโน โค๊ตติ้ง เทค จำกัด ที่นำร่องด้วยนวัตกรรมน้ำยาเคลือบพื้นผิวโซลาร์เซลล์ พร้อมให้บริการด้านการเคลือบนาโนอีกด้วย
“1 ปีที่ผ่านมาสำหรับการเป็นดีปเทคสตาร์ทอัพนั้น เราประสบความสำเร็จและสามารถทำได้ตามเป้าที่วางเอาไว้ ทั้งในเรื่องของรายได้ และการตอบรับของลูกค้าที่เชื่อมั่นเทคโนโลยีเคลือบนาโน ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของเรา โดยเรามุ่งเน้น B2B ที่เน้นกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเราเป็นสารเคลือบเซลล์แสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์ กลุ่มเป้าหมายก็จะเป็นบริษัทที่มีเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ ซึ่งก็สามารถสร้างการรับรู้ถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของเราที่แตกต่างและโดดเด่นจากของที่มีอยู่แล้วในตลาด ทำให้เรามีลูกค้ารายใหญ่จากอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมพลังงาน” ดร. ธันยกรกล่าว
และสำหรับปีที่ 2 นาโน โค๊ตติ้ง เทค จะเริ่มขยายตลาดสู่ B2C หรือกลุ่มผู้บริโภคที่เป็น End Users เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้น จึงต่อยอดผลิตภัณฑ์สารเคลือบเซลล์แสงอาทิตย์ที่เดิมเป็นขนาดอุตสาหกรรม ออกมาเป็นสเปรย์เคลือบเซลล์แสงอาทิตย์และวัสดุก่อสร้างแบบ 2อิน1 ที่สามารถลดการยึดเกาะของฝุ่นและตะไคร่น้ำ สำหรับลูกค้าครัวเรือนโดยเฉพาะ
สเปรย์เคลือบเซลล์แสงอาทิตย์และวัสดุก่อสร้างแบบ 2อิน1 (2-IN-1 ANTI-Dust & Algae/Moss Attachment Prevention NANO Spray) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภคทั่วไปสามารถใช้งานได้เลย กับพื้นผิวเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเซลล์แสงอาทิตย์ขนาดเล็กในบ้าน วัสดุก่อสร้างที่เป็นพื้นไม้ คอนกรีต พลาสติก ยกเว้นกระจกใส ซึ่งจะช่วยลดการยึดเกาะของฝุ่นและตะไคร่น้ำต่างๆ ช่วยยืดเวลาทำความสะอาดอีกด้วย
ดร. พิศิษฐ์กล่าวว่า สเปรย์เคลือบเซลล์แสงอาทิตย์และวัสดุก่อสร้างแบบ 2อิน1 นั้น เป็นเพียง 1 ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่บริษัทฯ นำร่องเปิดตลาดลูกค้าทั่วไป ตามแผนกลยุทธ์การดำเนินงานของปีที่ 2 ที่เราจะลงทุนรับถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ในกลุ่มสารเคลือบนาโนเข้ามาเพิ่ม โดยเริ่มจากงานวิจัยภายในนาโนเทคที่โดดเด่นและมีความเป็นไปได้ทางการตลาดก่อน อาทิ หน้ากากอนามัยที่มีผ่านการเคลือบพิเศษ สารเคลือบสิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ เป็นต้น
“เราอยู่ตรงนี้ เรารู้ว่า นาโนเทคมีของดีอะไรบ้าง เราอยากเป็นอีก 1 ช่องทางในการต่อยอดงานวิจัยของนาโนเทคออกไปถึงมือผู้ใช้ เพราะเราเห็นถึงศักยภาพของงานวิจัยจากห้องปฏิบัติการต่างๆ ของนาโนเทคที่พัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมมีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพที่ดีออกมาอย่างต่อเนื่อง” ดร. พิศิษฐ์ย้ำ
เพื่อนำเสนอผลงานนวัตกรรมภายใต้บริษัทฯ ออกสู่สายตาคนหมู่มาก สตาร์ทอัพภายใต้ สวทช. รายนี้ ปรับแผนนำพาตัวเองและผลิตภัณฑ์นวัตกรรมไปเจอลูกค้าผ่านงานอีเวนท์ต่างๆ นำร่องด้วยการทดลองตลาดสำหรับสเปรย์เคลือบเซลล์แสงอาทิตย์และวัสดุก่อสร้างแบบ 2อิน1 ผ่านการออกบูทภายในงาน Asean Sustainable Energy Week 2023 ซึ่งผลตอบรับดี ลูกค้าให้ความสนใจ และมีแผนที่จะเข้าถึงคนหมู่มากผ่านการออกบูทในงานนิทรรศการต่างๆ ให้มากขึ้น พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสำหรับ B2C ออกไปในกลุ่มออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ เฟซบุ๊ค และยังมองถึงติ๊กต่อก (Tiktok) สำหรับช่องทางในอนาคตอีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังมีแผนเสริมทีมฝ่ายขายเข้ามาอีกด้วย
สำหรับปีที่ 2 จากผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ซึ่งคือ สารเคลือบผิวเซลล์แสงอาทิตย์ ดร. ธันยกรเผยว่า มีแผนจะขยายการรับรู้ถึงแบรนด์ หาลูกค้าให้มากขึ้น และขยายสู่ตลาดต่างประเทศ นำร่องที่เวียดนามในปีที่จะถึงนี้ ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้เปลี่ยนจากเดิมที่มาจาก 2 ยูนิตในปีแรก คือ สารเคลือบผิวเซลล์แสงอาทิตย์ 50% และโซลูชั่นสำหรับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (Solution for Industries) 50% เปลี่ยนเป็น สารเคลือบผิวเซลล์แสงอาทิตย์ 70% และโซลูชั่นสำหรับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม (Solution for Industries) ร่วมกับผลิตภัณฑ์ B2C 30% พร้อมทั้งจะลงทุนเพิ่มบุคลากรทีมขาย ซึ่งจะทำให้การทำงานในปีที่ 2 ของเราแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตอบเป้าหมายเป็นเบอร์ 1 ทางด้านสารเคลือบในแถบอาเซียนภายใน 5 ปีให้ได้